ข้อมูลการ์ด

มารู้จักกับการ์ดทั้ง 293 แบบ ที่มีเพียง 500,000 ใบเท่านั้น เพื่อให้นักล่าทุกท่านได้สัมผัสการ์ดสายธาตุต่างๆ การ์ดมอนสเตอร์ และการ์ดสกิล

พร้อมเปิดเผยเรื่องราวของโลก NEXORA อย่างลึกซึ้ง ครบ จบ ทุกความลับของการ์ดที่นี่ที่เดียว!

บทนำแห่งโลก NEXORA


กาลครั้งหนึ่ง โลกทั้งใบยังไม่ถูกเรียกว่า โลก มันคือความว่างเปล่าอันไร้สิ้นสุด จนกระทั่งพลังทั้ง ห้า ได้กำเนิดขึ้นมา

ดิน, น้ำ, ไฟ, ไม้ และทอง ห้าธาตุเปรียบเสมือนเสาหลักที่หล่อหลอมทุกสิ่งให้กลายเป็นจักรวาลที่มีชีวิต

แต่เมื่อเวลาผ่านไป พลังที่ควรจะสมดุลกลับเริ่มสั่นคลอน ดิน แข็งแกร่งจนกดทับทุกสิ่ง / น้ำ ไหลบ่าไร้ขอบเขตไม่หยุดนิ่ง / ไฟ แผดเผาทุกอย่างที่ขวางหน้า / ไม้ เติบโตแทรกซึมจนแผ่ปกคลุม ทอง แฝงพลังแห่งโลหะและกลไกที่ไม่หยุดพัฒนา ไม่มีใครยอมอ่อนข้อ ทุกธาตุต่างประกาศตนว่า ข้าคือผู้ครอบครองโลกนี้ ความสมดุลจึงแตกสลาย ก่อกำเนิดเป็น สงครามแห่งธาตุ


การถือกำเนิดของการ์ด

เพื่อป้องกันไม่ให้พลังมหาศาลลบล้างจักรวาล บรรพชนผู้ไร้นามได้ผนึกพลังของสรรพสิ่งที่มีชีวิตเหล่านี้ไว้ในการ์ดแต่ละใบคือ เศษเสี้ยวแห่งพลัง ของสิ่งมีชีวิต มอนสเตอร์ และพลังเวทที่ก่อกำเนิดขึ้นจากธาตุทั้งห้า การ์ดเหล่านี้ถูกกระจายไปทั่วโลก บางใบถูกฝังอยู่ใต้ภูเขาลึก บางใบซ่อนในก้นมหาสมุทร บางใบหลับใหลอยู่ในป่าดึกดำบรรพ์ บางใบถูกกลืนไปกับเพลิงนิรันดร์ และบางใบถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะที่ไม่เคยพบเห็นที่ใด การ์ดทั้ง 293 แบบ คือจำนวนที่ถูกกล่าวขาน ว่าเป็นเศษเสี้ยวทั้งหมดของโลก NEXORA และถูกสร้างมาเพียง 500,000 ใบ เท่านั้นที่ถูกปลดผนึกออกมาให้มนุษย์ได้ครอบครอง


ผู้ถูกเลือก: Duelist

เมื่อการ์ดถูกค้นพบ มนุษย์ได้สัมผัสกับพลังที่ไม่เคยคาดฝัน บางคนใช้มันเพื่อปกป้อง บางคนใช้มันเพื่อครอบครอง และบางคนใช้มันเพื่อท้าทายชะตา ผู้ที่ถือการ์ดเหล่านี้ถูกเรียกว่า Duelist นักดวลผู้ถือครองพลังแห่งธาตุ แต่การครอบครองไม่ได้หมายถึงอำนาจเพียงอย่างเดียว หากยังหมายถึง ความเสี่ยง เพราะทุกการดวล การ์ดที่คุณเดิมพันคือสิ่งที่คุณอาจสูญเสียไปตลอดกาล


สมรภูมิแห่งตำนาน

จากความขัดแย้งของผู้คน ได้ก่อกำเนิดทัวร์นาเมนต์แห่ง NEXORA เวทีที่เหล่า Duelist จากทั่วทุกสารทิศมาประลองกัน ไม่ใช่เพียงเพื่อความภาคภูมิใจ แต่เพื่อเดิมพันการ์ด และล่ารางวัลมหาศาล ทุกแมตช์คือสงครามขนาดย่อม ทุกชัยชนะคือการได้ครอบครองพลังใหม่ ทุกความพ่ายแพ้คือการสูญเสียสิ่งที่รักที่สุดไป นี่คือ eSport ในโลกจริง ไม่ใช่เพียงเกมดิจิทัล แต่คือเกมที่ใช้การ์ดจริงในมือ ผู้เล่นจริง รางวัลจริง และความเสี่ยงที่จับต้องได้จริง


การสะสม: กุญแจสู่สมบัติ

แต่การดวลไม่ใช่ทุกสิ่ง การสะสมก็สำคัญไม่แพ้กัน การ์ดถูกแบ่งออกเป็น 4 ระดับ: ธรรมดา, เงิน, ทอง และเพชร

และทุกระดับมี ชุดสะสม (Sets) ของมันเอง ใครก็ตามที่สะสมการ์ดครบตามเซ็ต จะได้รับสิทธิ์ได้รับรางวัล และพรพลังที่ยิ่งใหญ่ ขอได้ทุกประการ

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้คนออกล่า ค้นหา และต่อสู้เพื่อการ์ดหายากเหล่านี้ 



ตอนนี้ โลก NEXORA ได้เปิดออกแล้ว

การ์ด 293 แบบ กำลังรอผู้กล้ามาครอบครอง ใครจะเป็นคนแรกที่สะสมครบเซ็ต? ใครจะเป็น Duelist ที่ชนะการดวลครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด?

และใครจะกลายเป็นตำนานที่ถูกกล่าวขานไปอีกพันปี? คำตอบทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณ หนึ่งใบที่คุณเปิดอาจเปลี่ยนชีวิต หนึ่งแมตช์ที่คุณชนะอาจพลิกชะตา และทุกก้าวที่คุณเลือกในโลกแห่งนี้ จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของ NEXORA CARDGAME แห่งนี้



Nexora: The Beginning

(ปฐมบทกำเนิดโลก NEXORA)


First Ember

ความว่างเปล่าก่อนเวลาไม่เคยมีชื่อเรียก มันคือผืนผ้าใบสีดำที่ไม่รู้จักเช้าเย็น จนกระทั่งริ้วแรกของแสง บางคนเรียกมันว่า First Ember ฉีกทะลุความเงียบ และเสียงแรกที่ตามมานั้นไม่ใช่ฟ้าร้อง หากเป็นท่วงทำนองห้าคอร์ดที่ก้องสะท้อนผ่านสุญญากาศ ก่อรูปเป็นกระดูกสันหลังของจักรวาล แสงนั้นแตกสลายออกเป็นห้าวงแหวนที่หมุนรอบกันราวกับอสรพิษเกี้ยวพัน ความหนักของธาตุดิน ดุจทวีปที่ยังไม่เกิดชื่อ ความเย็นของธาตุน้ำ ดุจมหาสมุทรที่ยังไร้ฝั่ง ความหิวแห่งธาตุไฟ ดั่งภูเขาเพลิงที่ยังไม่รู้จักการดับ การเติบโตของธาตุไม้ ที่งอกงามแม้ไม่มีดินรองรับ และประกายเงาวับของธาตุทอง ที่คล้ายเสียงโลหะขูดกันในความมืด ก่อนทั้งห้าจะทาบลงบนผืนว่างเปล่า และให้กำเนิดโลกที่ต่อมาถูกเรียกว่า NEXORA เมื่อโลกตั้งไข่ ห้าวงแหวนผละออกเป็นรูปทรงของแผ่นดินและฟ้า Thalassus กลายเป็นมหาสมุทรที่ลึกจนกลืนความฝัน, Pyreholm คือหมู่เกาะภูเขาไฟที่ลมหายใจคือเถ้าแดง, Verdelore เป็นผืนป่าที่ลืมวันนับเดือนและไม่ยอมให้ใครกำหนดขอบ, Valecrown คือสันเขาแกร่งที่ไร้ซึ่งความอ่อนข้อ, และ Aurion Spires คือเสาหอคอยโลหะสีทองที่แทงทะลุเมฆ เหมือนหมุดตรึงท้องฟ้าให้ยอมอยู่กับที่ โลกยังไม่มีฤดูกาล เพราะแต่ละธาตุไม่คิดจะไหลเวียนให้คนอื่นได้หายใจไฟอยากเป็นกลางวันนิรันดร์ น้ำอยากเป็นค่ำคืนที่กินทุกแสง ดินอยากหยุดกงล้อไว้กับน้ำหนักของตน ไม้อยากแผ่ใบไปจนสุดขอบขอบฟ้า ทองอยากประกอบจักรกลของตน จนไม่มีจังหวะว่างสำหรับสิ่งอื่น

ดังนั้น ความสมดุลจึงเกิดจากการปะทะ ไม่ใช่การยอมรับ ดินทับไม้ ไม้แทงดิน น้ำดับไฟ ไฟเผาไม้ ทองเฉือนทุกสิ่งและถูกดินฝังกลบ ไม่มีใครยอมถอย


The Shivering Age

จากแรงดันซ้อนแรงดันทบหลายศตวรรษ โลกได้เกิดยุคที่ถูกบันทึกของนักพยากรณ์รุ่นแรก เรียกว่า The Shivering Age ยุคที่พื้นโลกสั่นตั้งแต่ท้องทะเลจนถึงยอดเมฆ และทุกเมื่อลมเปลี่ยนทิศ แผ่นเปลือกโลกก็ขยับบิดไปตามเสียงธาตุ เพราะกลัวว่ากงล้อจักรวาลจะพังลง นักบันทึกโบราณใน Heliolex นครที่ไม่มีใครรู้ว่าสร้างด้วยอะไรระหว่างหินหรือแสงได้ก่อรูปสภาเล็กๆ ซึ่งต่อมาผู้คนเรียกว่า Archivists พวกเขาไม่ใช่กษัตริย์ ไม่ใช่นักรบ แต่เป็นนักเย็บแผลของโลก ใช้เส้นด้ายแห่งอักขระโบราณเย็บรอยแตกของฤดู และวันหนึ่ง เมื่อภูเขาไฟใน Pyreholm เริ่มบ้วนเถ้าจนท้องฟ้าแดงเป็นเดือน พวกเขาตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่มีใครคิดได้ผนึกพลังของธาตุไว้ในภาชนะที่เล็กพอจะถือได้ด้วยมือเดียว แต่ใหญ่พอจะบรรทุกคำสาปของภูผาได้ทั้งลูก ภาชนะนั้นถูกเรียกว่า Sigil-Card การ์ดตราประทับ

Vault of Origin

พวกเขาสร้าง Vault of Origin ใต้ Aurion Spires โดยใช้โลหะที่ไม่มีชื่อในภาษาใด และใส่ลงไปทีละเศษเสี้ยวของโลก คมของหิน แรงกระแทกของคลื่น ลมหายใจของไฟ ชีพจรของไม้ กลไกของทองจนได้มาซึ่งการ์ดทั้ง 293 แบบ แต่ละใบมี Sigil ที่ไม่ซ้ำกัน เหมือนเสียงหัวใจของสิ่งที่มันผนึกไว้ ไม่มีการ์ดใบใดเหมือนอีกใบ ไม่มีวันเกิดฝาแฝดในโลกนี้ Archivists ร้อยการ์ดเหล่านั้นด้วยมนตราที่หนักเท่าแผ่นดิน และบางเท่าไอหมอก แล้วปล่อยมันกระจายไปตามทวีป ให้โลกเรียนรู้การเดินของตัวเองอีกครั้ง

กาลเวลาผ่านไป ผู้คนเริ่มเกิดจากรอยผสมของธาตุ Valecrown ก่อกำเนิด Stoneborne ชนเผ่าที่ฝังเมืองไว้ใต้เงาภูผา Thalassus ให้กำเนิด Mariners ผู้พูดคุยกับคลื่น และประมงสายฟ้า Pyreholm หลอม Pyrekin ชนรุ่นที่เดินบนเถ้าร้อนโดยทิ้งรอยเท้ากลายเป็นแก้ว Verdelore เลี้ยง Greenwardens ผู้กรีดเลือดตนให้กลายเป็นยางสนรักษาแผล และ Aurion Spires สถาปนากิลด์ Mechanists ที่กลึงลมหายใจให้กลายเป็นนาฬิกา เครื่องจักร และดาบที่มีลิ้นกลไก พวกเขาเจอการ์ดใต้แม่น้ำ ใต้รากไม้ ในปากปล่อง ในรอยแยกหิน และในซากกลไกที่ไม่รู้ใครต่อใครประกอบไว้บางครั้งการ์ดก็เลือกคนมากกว่าคนเลือกการ์ด เมื่อคนสัมผัส Sigil แล้วรอด การ์ดจะส่องแสงตามธาตุที่หัวใจของคนคนนั้นใกล้ที่สุด และนับแต่นั้น พวกเขาจะถูกเรียกว่า Wielder หรือบางวัฒนธรรมใช้คำว่า Duelist ในยุคแรก การ์ดเป็นของขวัญ มากกว่าจะเป็นอาวุธ Stoneborne ใช้การ์ดดินยกสันเขาให้ค้ำลมพายุ Mariners ใช้การ์ดน้ำเบี่ยงแม่น้ำไปหล่อเลี้ยงหมู่บ้าน Pyrekin ใช้ไฟให้สว่างและตีเหล็ก Greenwardens ใช้ไม้ฟื้นฟูป่าที่ไฟเผา Aurion Mechanists ใช้ทองประกอบเครื่องช่วยชาวบ้านยกหิน ยามแรกนั้น เสียงร้องแห่งความยินดีดังกว่าเสียงเชือดเฉือน แต่มนุษย์ก็คือมนุษย์ เมื่อของมีค่าถูกห้อมล้อมด้วยตา พลังกลายเป็นเกียรติ เกียรติกลายเป็นความทะเยอทะยาน และความทะเยอทะยานรู้เส้นทางของมันเอง

Card of Origin

มีตำนานเล่าถึง Card of Origin การ์ดใบหนึ่งใน Vault ที่ Archivists ไม่กล้าปล่อย มันไม่ได้ขังสัตว์อสูร ไม่ได้ผนึกภูเขาไฟ แต่มันผนึกกุญแจของสมดุล ว่ากันว่าใครก็ตามที่ทำให้ทุกธาตุยอมลงชื่อร่วมกัน จะมีสิทธิ์ออกคำสั่งให้ฤดูเดินหรือหยุดได้ การ์ดนั้นถูกเก็บในห้องที่ไม่มีประตู มีแต่ประโยคที่สลักด้วยโลหะเย็น: Balance is not silence.

จนค่ำคืนหนึ่ง เงาที่ไม่ต้องการชื่อเล็ดลอดเข้าไปใน Heliolex แสงตะเกียงหลบทางให้เงานั้นเดินตัด Vault อย่างรู้จัก เสียงเดียวที่โลกได้ยินในคืนนั้น คือเสียงโลหะเบาๆ เหมือนใครแอบหายใจ Card of Origin หายไป เมื่อข่าวนั้นแผ่ไปเหมือนรอยน้ำบนผิวแก้ว เมืองต่างๆ ของห้าธาตุเริ่มมองกันด้วยสายตาใหม่ Valecrown ปิดหุบเขา และยื่นคำขาดให้ใครก็ตามส่งคืนสิ่งที่ขโมย Thalassus ส่งนักดำน้ำไปทุกร่องมหาสมุทร Pyreholm จุดคบเพลิงบนยอดและประกาศภาวะล่า Verdelore เร่งให้เถาวัลย์แผ่เข้าไปตามซอกหิน Aurion Mechanists สั่งให้ทุกโรงกลึงตีระฆังกลางคืนเป็นรหัส สภา Concord of Five ถูกเรียกขึ้นใน Lumenhall นครกลางที่ตั้งอยู่ตรงเส้นที่เงาของธาตุทั้งห้าทาบลงพอดีเพื่อคุยกันด้วยคำที่ไม่คมเท่าดาบ มีคนเสนอให้จัด Grand Convergence พิธีดวลครั้งใหญ่เพื่อให้การ์ดตื่นจากการหลับ และชี้นิ้วไปยังผู้ที่มันยอมรับ ผู้ที่ชนะจะมีสิทธิ์จับทาง Card of Origin ผ่านสัญญาณที่เหลืออยู่ในทุก Sigil ความคิดนั้นอาจเป็นสะพาน ถ้าคนที่เดินบนสะพานไม่คิดว่ามันคือด่านเก็บค่าผ่านทาง ความคั่งแค้นเก่า และแผลเรื้อรังของพรมแดนธาตุทำให้คำว่า พิธี ค่อยๆ กลายเป็น ทดสอบกำลัง และวันประชุมวันสุดท้าย เรือไฟจาก Pyreholm ก็เทียบท่าช้ากว่าที่ Thalassus รับได้ อยู่บนนั้นมีดาบกลไกจาก Aurion และงูไม้จาก Verdelore ในท่าจงลอบกระโจน ก่อนใครจะอธิบาย คบเพลิงก็โหมขึ้นเหนือหลังคา Lumenhall กลางลมทะเลเย็น เหมือนใครสั่งให้ฤดูตกใจและวิ่งหนี ท้องฟ้าในเย็นวันนั้นกะพริบเป็นสีธาตุ โลกทั้งใบเหมือนกลั้นหายใจ ความผิดพลาดถูกตั้งชื่อในภายหลังว่า The Spark

The Spark

ประกายแรกที่จุดลานดวลให้กลายเป็นสนานสงคราม มันเริ่มจาก Duelist สองคนเด็กหนุ่มจาก Valecrown ชื่อ Caven กับหญิงสาวจาก Thalassus ชื่อ Lira ทั้งคู่ถูกเรียกขึ้นเวทีเพื่อพิสูจน์ว่า Sigil ใดจะชี้ให้พวกเขาตามหา Card of Origin ได้ พวกเขาวางการ์ดพร้อมกันในวงแหวนที่ Archivists เตรียมพื้นหินสว่างอ่อนเหมือนหายใจ การ์ดของ Lira เปล่งปลายหยดน้ำขึ้นจากอากาศ และงอกครีบเงินแหวกเงาลม การ์ดของ Caven ยกดินใต้ฝ่าเท้าเขาขึ้นเป็นชั้นหินบางๆ จากนั้น ชั่วกะพริบตาเดียว พื้นเวทีก็แตกออกเป็นรอยไม่ใช่เพราะพลังของทั้งคู่ หากเพราะใครบางคนปล่อย Sigil ของไฟจากเงามุมนี้ Sigil ของโลหะจากเงามุมโน้น และเถาวัลย์ของไม้จากฝ้าเพดาน รูปแบบเวทมนตร์ที่เคยเหมือนตะเข็บเย็บโลก กลับเหมือนถูกใครฉีกออกอย่างจงใจ เสียงดังที่ตามมาไม่ใช่เสียงแผ่นดินไหว แต่คือเสียงการ์ดหลายสิบใบตื่นพร้อมกันแต่ละใบร้องด้วยเสียงธาตุของตัวเอง หมู่ชนบนอัฒจันทร์ชะงักชั่วขณะก่อนความแน่นอนจะถูกเตะทิ้ง ความวุ่นวายกลายเป็นทะเลบก ลมกลิ้งเป็นลูกคลื่นไฟ หมอกกลายเป็นเชือกจับคอ ทุกคนเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ Grand Convergence ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นกับดัก วิญญาณของ Vault ที่เคยนิ่ง เริ่มร้องเรียก Card of Origin ราวกับเด็กตามหาแม่ Archivists ยืนอยู่บนหอสูงของ Lumenhall และรู้ว่าพวกเขาพลาดตรงไหน สันติภาพไม่เคยสร้างได้ด้วยคำ คำทำได้เพียงให้เวลาซื้อเพิ่มสองสามฤดู ที่เหลือคือต้องมีเครื่องมือที่จะบังคับให้เวลาฟังสิ่งที่ควรฟัง พวกเขาเปิดหีบเล็กๆ ที่มีตรา Heliolex แล้วปล่อยการ์ดสำรองชุดหนึ่ง Sigil ที่ถูกคัดเลือกให้เป็น ตราชั่งการ์ดเหล่านี้ไม่เพิ่มพลังให้ผู้ใด แต่จะลดความรุนแรงของการปะทะให้อยู่ในกรอบ พวกเขาโยนมันลงกลางเวที ทว่าผู้ที่รับไปไม่ใช่ Caven หรือ Lira หากเป็นมือที่มองไม่เห็นมือของคนที่ขโมย Card of Origin ไปในคืนนั้น การ์ดตราชั่งหายเข้าเงา เหมือนใครสอนโลกให้เรียนรู้ความไม่เป็นธรรมอย่างตั้งใจ ทันทีที่ไส้ของพิธีถูกฉีก ความทรงจำของธาตุก็ย้อนกลับไปยุคที่ความยืดหยุ่นยังไม่เกิด ไฟจำได้ว่ามันเคยเป็นกลางวันนิรันดร์ น้ำจำได้ว่ามันเคยเป็นค่ำไร้เช้า ดินจำได้ว่ามันเคยหนักจนหยุดเวลา ไม้จำได้ว่ามันเคยเติบโตจนไม่เหลือซอกหิน ทองจำได้ว่ามันเคยประกอบทุกอย่างให้เป็นวงล้อที่ไม่มีใครลงจากมันได้ ห้าเสียงนั้นแย่งกันจะเป็นเสียงหลักของเพลง โลกทั้งใบสั่นเหมือนกลองที่ตึงเกินไป ค่ำคืนนั้นเอง สงครามมันได้เริ่มขึ้นแล้ว ชื่อของมันเดินทางบนปีกกาเหว่า ปลายหญ้า และประกายเหล็ก

The Elemental War

ในลมหายใจก่อนรุ่ง ชายแก่คนหนึ่งใน Verdelore ยืนบนรากไม้ใหญ่ พึมพำกับเถาวัลย์ว่า สงครามนี้จะไม่ชนะด้วยการมีดาบใหญ่กว่า แต่มันจะชนะด้วยการถือการ์ดถูกใบ ในเวลาที่เหมาะสม ไกลออกไปใน Aurion Spires เด็กฝึกช่างคนหนึ่งเงยหน้าจากโต๊ะกลึง เห็นแสงสี่เหลี่ยมเล็กๆ สะท้อนบนเพดาน Sigil ของการ์ดโลหะที่เพิ่งยอมรับเขา ไม่ไกลจากนั้นใน Pyreholm เด็กสาวที่พี่ชายเพิ่งตายจากลาวา หยิบการ์ดที่พี่ทิ้งไว้ ลมหายใจของเกาะตอบรับเธอเหมือนรู้ชื่อแต่แรก เกลียวคลื่นใน Thalassus ยกฝ่ามือใส่ Lira ขณะที่ Caven เลื่อนฝ่ามือบนลายหินของ Valecrown และรู้ว่าพรุ่งนี้จะไม่มีคำว่าคนกลางอีกต่อไป มีแต่คนที่เลือกข้าง แต่การเลือกข้างใน NEXORA มีราคา ราคาไม่ใช่แค่เลือด ไม่ใช่แค่ดินแดน หากคือการ์ดเองเหรียญตราที่โลกแจกให้เมื่อครั้งยังอยากให้ทุกคนร่วมกันสร้าง ตอนนี้กลายเป็นชิปเดิมพันในเกมที่ใหญ่กว่าผู้ใดถือ ผู้ที่เข้าสู่สนามดวลตามกติกาเก่าของ Archivists กติกาที่สร้างมาเพื่อให้ความรุนแรงถูกควบคุมโดยรูปทรงรู้อยู่แก่ใจว่า เมื่อวางการ์ดลงในวงแหวน หมายถึงยอมให้โลกตัดสินชะตาของมัน คุณจะยกการ์ดนั้นให้อีกฝ่าย ชนะ คุณได้เพิ่มเสียงของตนในเพลงห้าคอร์ด เสียงที่ดังกว่ามักไม่ใช่เสียงที่ไพเราะกว่า แต่มันได้สิทธิ์นิยามว่าอะไรคือ ทำนองหลัก รุ่งเช้าพาเถ้าถ่านจาก Pyreholm ลอยข้าม Verdelore จนแมงปอปีกเขียวกลายเป็นปีกดำ Thalassus ดันน้ำขึ้นท่วมชายฝั่งของ Lumenhall อาณาบริเวณที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นลานประชุมกลายเป็นบึงกระจก Valecrown ถอนเอาหินจากใต้เท้าเมืองไปกองไว้รอบกำแพงกำแพงสูงจนเงาบดแดดตอนเที่ยง Aurion Spires เปิดอู่ใต้ดิน ทำให้พื้นสั่นเป็นจังหวะเหมือนหัวใจของเครื่องจักรยุคใหม่ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่บทส่งท้าย แต่เป็นเพียงประโยคปฐมบทของสงครามธาตุที่กำลังเปิดหนังสือของมัน กลางคืนวันหนึ่ง ในเมืองท่าที่ไม่มีชื่อบนแผนที่ เพราะมันย้ายตำแหน่งตามอารมณ์ของน้ำ ผู้เฒ่าคนหนึ่งเล่านิทานให้เด็กสามคนฟัง เรื่องของการ์ดที่เกิดจากห้าธาตุ เรื่องของ Vault ที่ไม่มีประตู เรื่องของเงาที่ไม่อยากมีชื่อ และเรื่องของเด็กสองคนบนเวที Lumenhall เด็กคนหนึ่งถามว่า แล้วทำไมต้องเป็นการ์ด ทำไมไม่เป็นหิน เป็นดาบ หรือเป็นคบเพลิงไปเลย ผู้เฒ่ายิ้มช้าๆ จนหนวดสะท้อนแสงตะเกียง เพราะการ์ดพอจะใส่ทั้งสงคราม และสันติภาพไว้ได้ในชิ้นเดียว เขาตอบ และเพราะมันเล็กพอที่ใครๆ จะถือได้แม้แต่เด็กอย่างพวกเจ้าก็ยังมีโอกาส ลมเช้าแรกหลังประกาย The Spark พัดผ่านหอระฆังของ Lumenhall ขณะที่ระฆังของ Aurion ตอบกลับด้วยจังหวะยาวสองสั้นสัญญาณธรรมเนียมที่แปลว่า ยืนยัน บันทึกของ Archivists ขีดเส้นใต้บรรทัดใหม่ด้วยหมึกโลหะ: สภา Concord of Five สิ้นสุดลง ณ เพลาเสียงธาตุตื่นพร้อมกัน 

The Dawn of War

ต่อจากนั้นมีเพียงช่องว่างยาวไว้ให้คนรุ่นหลังเติมด้วยเลือด เหงื่อ และชื่อเรื่องราวของตน ไกลออกไปบนทุ่งที่ Verdelore โอบไว้ ชายหนุ่มผลักการ์ดออกจากซองผ้าใบสีซีด ลมหญ้าโน้มตัวเหมือนจะฟัง เขาพึมพำชื่อ Sigil ของไม้ แล้วชูมันขึ้นให้แสงผ่านลวดลายคดโค้ง ที่ Valecrown หญิงชราก้มลงแตะผิวหิน เรียกชื่อ Sigil ของดิน ภาษาเก่าที่เธอพูดทำให้ฝุ่นหยุดลอยกลางอากาศราวกับตั้งใจฟัง ใน Thalassus พายุสั่นเหมือนหัวเราะเบาๆ เมื่อเด็กหญิงตะโกนชื่อการ์ดของน้ำใส่ฟ้า Pyreholm เต้นระบำกับเถ้าขาวเมื่อเด็กหนุ่มจุดไฟในดวงตาให้ตรงกับ Sigil และใน Aurion Spires โซ่เหล็กสองเส้นเกี่ยวกันโดยไม่มีมือใดแตะ ต้องขอบคุณเด็กชายคนหนึ่งที่กำฝ่ามือจนเลือดซึมแล้วพูดชื่อกลไกเบาๆ เหมือนพูดกับนาฬิกา ไม่มีประกาศสงคราม ไม่มีตรายศของกษัตริย์ใด แต่วันที่ผู้คนโดยสมัครใจเรียกชื่อ Sigil ของตน คือวันที่หน้ากระดาษว่างของสงครามถูกเขียนด้วยมือหลายพันมือพร้อมกัน พยากรณ์เก่าที่เคยถูกหัวเราะก็หยุดหัวเราะ: เมื่อทั้ง 293 ตื่นพร้อมกัน เพลงห้าคอร์ดจะกลายเป็นกลอง และกลองที่กำลังดังขึ้นนี้ไม่มีใครปิดมันได้ด้วยคำสั่งหรือคำขอ มีเพียงการวางการ์ดลงกลางวงและยอมให้โลกฟังเสียงในหัวใจจริงๆ แสงแรกของฤดูใหม่ลอดผ่าน Aurion Spires ตีแผ่นโลหะให้เกิดเงารูปการ์ดบนพื้นหินใต้หอ บนเงานั้นมีรอยขีดหนึ่งที่ไม่มีใครขีด มันโค้งงอเหมือนรอยยิ้มของเงาที่เคยขโมย Card of Origin และอาจกำลังยืนดูอยู่ที่ไหนสักแห่ง บางคนบอกว่ามันยิ้มเพราะรู้ว่าความวุ่นวายคือทางลัดสู่สมดุล บางคนบอกว่ามันยิ้มเพราะเพิ่งเริ่มเกมที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกนี้ เกมที่เดิมพันไม่ใช่แค่เมือง ไม่ใช่แค่ทวีป แต่คือ ทำนองหลัก ของทุกชีวิตใน NEXORA และเมื่อเด็กชายจาก Aurion เด็กหญิงจาก Thalassus ชายหนุ่มจาก Verdelore หญิงชราจาก Valecrown และคนหนุ่มจาก Pyreholm ต่างยกการ์ดขึ้นพร้อมกันในที่ของตน ดวงอาทิตย์ก็เหมือนจะหยุดชั่ววินาทีหนึ่งเพื่อฟัง ก่อนจะยอมเดินต่อไปบนฟ้าช้าเพียงพอให้มนุษย์ทันมองหน้ากัน และเร็วเพียงพอให้สงครามธาตุเริ่มต้นทันทีที่ใครคนหนึ่งกระพริบตาช้ากว่าอีกคนหนึ่ง โลกหายใจเข้าลึกๆ เหมือนนักรบก่อนขึ้นเวที เป็นลมหายใจที่กลิ่นดิน น้ำ เคี่ยวไฟ กลิ่นไม้สดใหม่ และผงโลหะร้อนผสมกันอย่างประหลาด แปลกพอที่จะทำให้คนทั่วไปหวาดหวั่น และหวานพอจะทำให้ Duelist ยิ้มเพราะนี่คือกลิ่นของ การเริ่มต้น ที่แท้จริง ในเสี้ยววินาทีก่อนเสียงการ์ดกระทบหิน โลกทั้งใบเหมือนบอกกับผู้อ่านนิยายเรื่องนี้ว่า หน้าแรกจบลงแล้ว เปิดหน้าถัดไปด้วยมือของเจ้าเอง

สรุปปฐมบท NEXORA (เข้าใจง่าย)


1. การกำเนิดโลก

  • เดิมมีแต่ความว่างเปล่า แสงแรก First Ember แตกออกเป็นพลัง 5 ธาตุ: ดิน, น้ำ, ไฟ, ไม้, ทอง
  • แต่ละธาตุอยากครองโลก ไม่ยอมแบ่งกัน โลกเกิดจาก การปะทะ ไม่ใช่ ความร่วมมือ
  • โลกไม่ได้เริ่มจากสันติ แต่จากการต่อสู้



2. ยุคสั่นสะท้าน (The Shivering Age)

  • พลังธาตุทำให้โลกสั่นสะเทือนตลอดเวลา อันตรายใกล้ล่มสลาย
  • ก่อนโลกจะแตกเป็นเสี่ยงๆ มีนครหนึ่งปรากฏขึ้นในตำนานชื่อว่า Heliolex คือนครลึกลับที่ Archivists รวมตัวกันครั้งแรก
  • บรรพชนผู้ไร้นาม Archivists (ที่ไม่ทราบจุดกำเนิด) จึงสร้าง การ์ดตราประทับ (Sigil-Card) เพื่อผนึกพลังธาตุให้ควบคุมง่าย
  • Heliolex ถูกใช้เป็นศูนย์กลางการบันทึกและสร้าง Sigil-Card และหายไปจากแผนที่ เหลือเพียงเรื่องเล่าขาน
  • Archivists ยุคต่อมาถูกเรียกว่า (นักบันทึกโบราณ, ผู้เฝ้าสมดุลของธาตุ)
  • รวมได้ 293 ใบ กระจายไปทั่วโลก ที่ผู้คนพบเจอจะกลายเป็น Wielder/Duelist ที่ใช้พลังของการ์ดได้


3. กำเนิดเผ่าพันธุ์ และ Duelists

  • แต่ละธาตุให้กำเนิดชนเผ่า
  • Valecrown Stoneborne (คนหิน)
  • Thalassus Mariners (คนทะเล)
  • Pyreholm Pyrekin (คนไฟ)
  • Verdelore Greenwardens (คนป่า)
  • Aurion Spires Mechanists (ช่างโลหะ/จักรกล)
  • คนพบการ์ด ถ้าการ์ดยอมรับ จะกลายเป็น Wielder/Duelist (ผู้ใช้การ์ด)
  • ช่วงแรก การ์ดถูกใช้ช่วยชีวิตผู้คน แต่ไม่นาน พลัง = เกียรติ กลายเป็นสิ่งที่คนแย่งชิง


4. Card of Origin (การ์ดกำเนิด)

  • การ์ดที่ใครก็อยากได้ แต่ไม่มีใครเคยได้เห็น
  • Archivists ได้สร้างการ์ดพิเศษ Card of Origin มันไม่ได้ผนึกสัตว์หรือภูเขาไฟ แต่ผนึกกุญแจสมดุลของโลก
  • ตำนานเล่าว่า ใครครองมัน จะสามารถควบคุมฤดูกาลได้ และอยู่เหนือ Sigil-Card ทั้งหมด
  • ในเวลาต่อมา Card of Origin ถูกเก็บใน Vault of Origin ใต้ Aurion Spires โดยมี Archivists เป็นผู้เฝ้าดินแดนนี้ตลอดมา
  • แต่ถูกเงาลึกลับขโมยไปจาก Vault of Origin ในยุคต่อมา ไม่มีใครรู้ว่าใครเอาไป
    

5. ความระแวงระหว่างธาตุ

  • หลัง Card of Origin หาย แต่ละเมืองเริ่มตั้งการ์ดป้องกันตัวเอง (ดินปิดหุบเขา, น้ำค้นทะเล, ไฟประกาศล่า, ไม้ส่งเถาวัลย์สอดส่อง, ทองตีระฆังเฝ้าเมือง)
  • เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามเต็มรูปแบบเกิดขึ้นทันที Archivists จึงเสนอให้มีการจัดตั้งสภา Concord of Five ให้ตัวแทนแต่ละธาตุมาชุมนุมร่วมกัน
  • สภาถูกจัดขึ้นที่เมือง Lumenhall เมืองที่ตั้งอยู่ตรงจุดเงาธาตุทั้งห้าทับกันพอดี (สัญลักษณ์ความสมดุล)
  • Archivists และ Concord of Five ตกลงกันที่จะจัดพิธีใหญ่ Grand Convergence ให้การ์ดเลือกผู้ครอบครอง
  • ถ้าคนไหนถูกการ์ดยอมรับ จะมีสิทธิ์ตามร่องรอยหรือติดต่อกับ Card of Origin ได้
    

6. The Spark (ประกายแรก)

  • ในพิธี Duelist คู่แรก Caven (ดิน) vs Lira (น้ำ)
  • ทั้งคู่ลงการ์ด แต่มีใครไม่รู้ปล่อยพลังธาตุอื่น (ไฟ, ไม้, โลหะ) แทรกเข้ามา เวทีแตก
  • การ์ดหลายสิบใบ ตื่นพร้อมกัน สนามกลายเป็นความโกลาหล


7. การ์ดตราชั่ง & มือปริศนา

  • Archivists รีบปล่อย การ์ดตราชั่งลงกลางเวที การ์ดพิเศษที่ถูกออกแบบมาเพื่อ รักษาสมดุลของการดวล มันไม่เพิ่มพลังให้ใคร แต่ลดความรุนแรงของการปะทะ
  • แต่กลับถูก เงาปริศนา (คนเดียวกับที่ขโมย Card of Origin) แย่งไปอีกต่อหน้าต่อตา
  • ทำให้ทุกฝ่ายรู้ทันทีว่า ความยุติธรรมได้หายไปจากพิธีแล้ว และนี่เองคือจุดที่ไฟสงครามเริ่มปะทุจริงๆ



8. จุดเริ่มสงครามธาตุ (The Elemental War)

  • พลังดิบของธาตุถูกปลุกขึ้นมา
  • ไฟ อยากเป็นกลางวันตลอดกาล
  • น้ำ อยากเป็นคืนตลอดกาล
  • ดิน อยากหยุดเวลา
  • ไม้ อยากเติบโตไม่มีสิ้นสุด
  • ทอง อยากประกอบทุกสิ่งให้อยู่ในวงล้อเดียว
  • ห้าธาตุแย่งกันเป็น ทำนองหลัก ของโลก
  • ความสมดุลพัง สงครามธาตุเริ่มต้น

ทำไมการ์ดทุกใบจึงมีค่า?

บรรพชนผู้ไร้นามได้สร้างการ์ดทุกใบขึ้นมา การ์ดเหล่านี้สามารถลบล้างกันและกันได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด จึงไม่มีผู้ชนะที่แท้จริง มีเพียงผู้ที่ครอบครองการ์ดอันยิ่งใหญ่ไว้ได้มากกว่าผู้อื่น

และพวกเขาจะถูกจารึกนามว่า

"จ้าวแห่งการ์ด"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ